Network Infrastructure

บริการออกแบบและติดตั้ง ระบบ Network Security

ติดต่อฝ่ายขาย
Tel : 02-319-9994 ext.2
Line ID : @officeautomation

Automation Service

บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ระบบ Network Security ระบบ IT Security (Information Technology) และ
OT Security (Operational Technology Security) ซึ่งให้คำปรึกษา ติดตั้งและบริการหลังการขายที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
เรามีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และทีมเซอร์วิส มากประสบการ์ณกว่า 20 ปี ฉะนั้นสามารถมั่นใจได้ หากซื้อบริการของเรา คุณจะได้บริการที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

ให้คำแนะนำ คำปรึกษาระบบ IT Solution

ให้คำปรึกษา แนะนำ ออกแบบ

ให้คำแนะนำ คำปรึกษาระบบ IT Solution ออกแบบและวางระบบ IT Solution และ IT Security ด้วยทีมงานด้านเทคนิคชำนาญการ

เราเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำ ของระบบ IT Network

แบรนด์ชั้นนำ

เราเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำ ของระบบ IT Network

ดำเนินการติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพ

ติดตั้ง

ดำเนินการติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพที่ผ่านการอบรมณ์และเข้าใจในตัว Hardware ระบบ IT เป็นอย่างดี

ติดตามและดูแลการทำงานพร้อมเทรนนิ่งการใช้งานระบบ IT Network

บริการหลังการขาย

ติดตามและดูแลการทำงานพร้อมเทรนนิ่งการใช้งานระบบ IT Network

Product & Solution

Servers & Storage

เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูล

Virtualization

เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมเสมือน

Backup & DR Site Solution

การสำรองข้อมูลและการตั้งค่าพื้นที่สำรองเมื่อเกิดภัยคุกคาม

Data Protection

การป้องกันข้อมูล

Network Switches

ควบคุมและจัดการข้อมูล

Wifi & Access Point

อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย

Network Installation Cabling

ระบบการเชื่อมต่อและส่งข้อมูล

Servers & Storage

Servers & Storage (เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูล) เป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของระบบเครือข่ายในองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ (servers) และระบบการจัดเก็บข้อมูล (storage systems) ในองค์กร รวมถึงการให้บริการเว็บไซต์ อีเมล และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ใช้งานในองค์กร

ประเภทของ Servers

  • Servers (เซิร์ฟเวอร์) : เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการให้บริการและดำเนินการตามคำขอข้อมูลจากผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่าย ซึ่งสามารถมีหน้าที่หลากหลาย
  • Web Server (เซิร์ฟเวอร์เว็บ) : ใช้ในการเก็บและส่งข้อมูลเว็บไซต์ผ่านโปรโตคอล HTTP ไปยังผู้ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เช่น Apache HTTP Server, Nginx.
  • File Server (เซิร์ฟเวอร์ไฟล์) : ใช้ในการจัดเก็บและแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ให้ผู้ใช้งานในเครือข่ายเข้าถึงได้ เช่น Network Attached Storage (NAS).
  • Mail Server (เซิร์ฟเวอร์อีเมล์) : ใช้ในการรับส่งอีเมล์ โดยมีซอฟต์แวร์เช่น Microsoft Exchange, Postfix.
  • Application Server (เซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชัน) : ใช้ในการเก็บและดำเนินการกับแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ เช่น Java EE Application Server (เช่น GlassFish, JBoss).
  • Database Server (เซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล) : ใช้ในการจัดเก็บและให้บริการในการเข้าถึงแก้ไขข้อมูล โดยมีซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลเช่น MySQL, Oracle Database.

ประเภทของ Storage

  • Storage (การจัดเก็บข้อมูล) : เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ในการเก็บรักษาและจัดการข้อมูลที่สำคัญสำหรับองค์กร ซึ่งสามารถประกอบไปด้วยหลายเทคโนโลยี เช่น
  • Storage Area Network (SAN) : เป็นระบบการเชื่อมต่อเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลในระดับโครงข่าย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆ ได้ เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลแบบเร็วและปลอดภัยได้
  • Network Attached Storage (NAS) : เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยตรง และให้บริการในการแบ่งปันข้อมูลแก่ผู้ใช้งานในเครือข่าย เช่นการแชร์ไฟล์
  • Storage Arrays : เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่มาพร้อมกับความสามารถในการจัดการและปรับแต่งทรัพยากรเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพ เช่น RAID (Redundant Array of Independent Disks) ที่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงและความปลอดภัยของข้อมูล

ความสำคัญของ Servers & Storage :

  • เก็บข้อมูลและให้บริการ : Servers & Storage เป็นส่วนสำคัญในการเก็บข้อมูลและให้บริการต่างๆ ที่มีความสำคัญในการทำงานขององค์กร อาทิเช่น เก็บข้อมูลลูกค้า ฐานข้อมูลสินค้า ให้บริการเว็บไซต์และอีเมล รวมถึงการให้บริการแอปพลิเคชันต่างๆ
  • ความเสถียรและความน่าเชื่อถือ : Servers & Storage ที่มีคุณภาพเป็นสำคัญในการให้บริการในองค์กร ทำให้ระบบทำงานอย่างเสถียรและน่าเชื่อถือ ไม่มีปัญหาในการเก็บข้อมูลและให้บริการต่างๆ
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน : Servers & Storage ที่มีความเสถียรและความน่าเชื่อถือสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลและให้บริการต่างๆ ทำให้องค์กรสามารถทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและควบคู่กับความต้องการของลูกค้า

Servers & Storage เป็นส่วนสำคัญในโครงสร้างของระบบเครือข่ายในองค์กร การเลือกใช้งาน Servers & Storage ที่มีความเสถียรและความน่าเชื่อถือสูงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรมีความพร้อมในการทำธุรกิจและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคู่กับความต้องการของตลาด

Virtualization

เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมเสมือน (virtual environment) หรือเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและจำลองทรัพยากรคอมพิวเตอร์ (เช่น เซิร์ฟเวอร์, เครื่องคอมพิวเตอร์, ระบบปฏิบัติการ) และแยกส่วนออกจากฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งทำให้สามารถรันหลายระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันบนองค์กรเครือข่ายเดียวได้ โดยไม่ต้องมีการสร้างเครื่องจริงสำหรับแต่ละระบบเหล่านั้น

ความสำคัญของ Virtualization :

  • ประหยัดทรัพยากร :
    ด้วยการใช้ Virtualization คอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อฮาร์ดแวร์และส่วนประกอบที่ไม่จำเป็น
  • ควบคู่กับ Cloud Computing :
    Virtualization เป็นส่วนสำคัญในการสร้างพื้นที่คลาวด์ (Cloud) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและใช้งานแอปพลิเคชันและข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีความสะดวกสบาย
  • ความยืดหยุ่นในการจัดการ :
    ด้วย Virtualization ผู้ดูแลระบบสามารถสร้างและจัดการเซิร์ฟเวอร์ ระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว

วิธีการทำงานของ Virtualization:

  • Hypervisor (Virtual Machine Monitor) : เป็นซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานของ Virtual Machine (VM) และทำหน้าที่แบ่งทรัพยากรของคอมพิวเตอร์เช่น หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และอุปกรณ์อื่นๆ ให้กับ VM แต่ละเครื่อง
  • Virtual Machine : เป็นส่วนที่ทำหน้าที่จำลองคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ แต่ละเครื่องจะมีระบบปฏิบัติการแยกต่างหากซึ่งทำงานบน Hypervisor
  • Emulation : เป็นกระบวนการที่ Hypervisor ใช้เพื่อทำให้ Virtual Machine สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ Virtual Machine สามารถทำงานได้เหมือนกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่ต้องการ
  • Virtual Disk : เป็นการจำลองการทำงานของฮาร์ดดิสก์ในรูปแบบไฟล์ ซึ่ง Virtual Machine สามารถเข้าถึงและใช้งานได้เหมือนกับการใช้งานฮาร์ดดิสก์จริง

Virtualization เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการประหยัดทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการในองค์กร การใช้งาน Virtualization ทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการจัดการและลดความเสี่ยงในการใช้งานคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์

Backup & DR Site Solution

การสำรองข้อมูลและการตั้งค่าพื้นที่สำรองเมื่อเกิดภัยคุกคาม เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการทำความเข้าใจและควบคู่กับการเตรียมความพร้อมเพื่อต้านภัยและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลและระบบในองค์กร ซึ่งคือการพัฒนาและดำเนินการเพื่อรักษาข้อมูลที่มีความสำคัญและระบบการทำงานขององค์กรให้ปลอดภัย แม้ว่าจะเกิดภัยคุกคามหรือเหตุการณ์ที่ทำให้ระบบดับชั่วคราวหรือไม่สามารถใช้งานได้ โดยการสำรองข้อมูลนั้นเป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีในการคัดลอกและเก็บข้อมูลไว้ในตัวเพื่อความเป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่ DR Site Solution เป็นกระบวนการที่องค์กรใช้เทคโนโลยีในการสร้างสถานที่สำรองความพร้อมเพื่อให้ระบบและข้อมูลสามารถกู้คืนได้ในกรณีที่เกิดภัยความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูลหลักขององค์กร

  • Backup Solution (การสำรองข้อมูล) : เป็นกระบวนการสำรองข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญเพื่อป้องกันการสูญหายหรือเสียหายของข้อมูล โดยปกติจะมีการสำรองข้อมูลไปยังอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่แยกต่างหาก เช่น ดิสก์หรือเครื่องแม่ข่ายเครือข่าย หรือบริการคลาวด์ที่มีเนื้อที่เก็บข้อมูลเพียงพอ และมักจะมีการกำหนดระยะเวลาในการสำรองข้อมูลเป็นระยะเวลาที่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีการทดสอบและการกู้คืนข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสามารถกู้คืนได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  • Disaster Recovery (DR) Solution (การตั้งค่าพื้นที่สำรองเมื่อเกิดภัยคุกคาม) : เป็นกระบวนการในการจัดการสถานการณ์ที่เกิดภัยคุกคามที่ส่งผลต่อการทำงานขององค์กร โดยมุ่งเน้นการกู้คืนระบบและข้อมูลให้กลับสู่สภาพปกติในระยะเวลาที่มีความเหมาะสม โดยมีการตั้งค่าพื้นที่สำรองหรือโครงสร้างที่ต่างกันอย่างน้อย 2 แห่ง เพื่อให้การทำงานขององค์กรสามารถดำเนินไปได้แม้ในกรณีที่เกิดภัยคุกคาม โดยมีการทดสอบและทดลองกู้คืนระบบเพื่อตรวจสอบความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน

ความสำคัญของ Backup & DR Site Solution:

  • ความเชื่อถือและความพร้อม :
    การสำรองข้อมูลและการสร้างสถานที่สำรองความพร้อมช่วยให้องค์กรมีความเชื่อถือในการรักษาความพร้อมของข้อมูลและระบบในกรณีที่เกิดภัยความเสียหาย
  • ลดความเสียหายทางธุรกิจ :
    Backup & DR Site Solution ช่วยลดความเสียหายทางธุรกิจในกรณีที่เกิดภัยความเสียหายต่อระบบและข้อมูล
  • ควบคุมความเสี่ยง :
    การสำรองข้อมูลและการสร้างสถานที่สำรองความพร้อมช่วยให้องค์กรควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลและระบบ

 วิธีการทำงานของ Backup & DR Site Solution :

  • การสำรองข้อมูล (Backup) :
    การสำรองข้อมูลเป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีในการคัดลอกและเก็บข้อมูลที่สำคัญในตัวอื่นหรืออุปกรณ์เพื่อให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้หากเกิดภัยความเสียหายกับข้อมูลหลัก
  • การสร้างสถานที่สำรองความพร้อม (DR Site) :
    การสร้างสถานที่สำรองความพร้อมคือการสร้างสถานที่แยกต่างหากที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเพื่อสำรองข้อมูลและระบบหลักขององค์กร ซึ่งเมื่อเกิดภัยความเสียหายสามารถเปิดใช้งานระบบและข้อมูลที่สำรองไว้ใน DR Site เพื่อให้ระบบสามารถทำงานต่อได้
  • การทดสอบและทดลอง (Testing & Simulation) :
    เพื่อให้มั่นใจว่าการสำรองข้อมูลและการสร้างสถานที่สำรองความพร้อมทำงานได้ถูกต้องและประสิทธิภาพ องค์กรควรทดสอบและทำการจำลองข้อมูลและระบบใน DR Site เป็นประจำ

Backup & DR Site Solution เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการประกอบการเตรียมความพร้อมและการต้านภัยความเสียหายในองค์กร การสำรองข้อมูลช่วยให้องค์กรมีความเชื่อถือในข้อมูลและระบบที่ใช้งาน ในขณะที่การสร้างสถานที่สำรองความพร้อมช่วยให้องค์กรสามารถกู้คืนระบบและข้อมูลได้ในกรณีที่เกิดภัยความเสียหายกับระบบหลักขององค์กร

Data Protection

การป้องกันข้อมูล เป็นกระบวนการหรือเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยและความเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลที่องค์กรหรือบุคคลต้องการปกป้องจากการสูญหายหรือการเข้าถึงที่ไม่เหมาะสม

การป้องกันข้อมูลมีหลายด้านและขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้  :

  • การสำรองข้อมูล (Data Backup) :
    เป็นกระบวนการสำรองข้อมูลที่สำคัญไปยังอุปกรณ์หรือสถานที่สำรอง เพื่อให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้ในกรณีเกิดสูญหายหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน การสำรองข้อมูลควรจะเป็นกระบวนการที่เป็นประจำ และต้องมีการทดสอบการกู้คืนข้อมูลเพื่อยืนยันความพร้อม
  • การควบคุมการเข้าถึง (Access Control) :
    เป็นการกำหนดสิทธิ์และการจัดการการเข้าถึงข้อมูลให้เหมาะสม แต่ละผู้ใช้งานจะมีสิทธิ์และการอนุญาตในการเข้าถึงข้อมูลตามบทบาทและความจำเป็น ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง รหัสผ่าน หรือการระบุตัวตนอื่นๆ
  • การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) :
    เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคการเข้ารหัสเพื่อเปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านได้ ผู้ไม่มีสิทธิ์ที่จะอ่านหรือเข้าถึงข้อมูลจะต้องมีกุญแจการถอดรหัสเพื่อเข้าถึงข้อมูล
  • การตรวจสอบและบันทึกข้อมูล (Monitoring and Logging) :
    เป็นกระบวนการตรวจสอบและบันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล เช่น การเข้าถึงข้อมูล การเปลี่ยนแปลงข้อมูล และกิจกรรมที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบและติดตามการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือกิจกรรมที่เป็นอันตราย

ความสำคัญของ Data Protection :

  • ความลับและความเชื่อถือ :
    การปกป้องข้อมูลช่วยให้ข้อมูลที่เป็นความลับและความเชื่อถือของลูกค้าและธุรกิจปลอดภัยจากการเข้าถึงและใช้งานโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ป้องกันการขาดความน่าเชื่อถือ :
    การปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันการขาดความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นเมื่อข้อมูลถูกส่งผิดพลาดหรือถูกเข้าถึงโดยผิดปกติ
  • ตัวยุ่งยากในการกู้คืนข้อมูล :
    การปกป้องข้อมูลช่วยเพิ่มความยุ่งยากในกระบวนการกู้คืนข้อมูลของบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

วิธีการทำงานของ Data Protection :

  • การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) :
    การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าข้อมูลจะถูกเข้าถึงด้วยการโจมตีหรือสูญหาย
  • การสำรองข้อมูล (Data Backup) :
    การสำรองข้อมูลเป็นกระบวนการที่คัดลอกและเก็บข้อมูลในตัวอื่นหรือสถานที่ที่ไม่ได้ใช้งาน ในกรณีที่ข้อมูลหลักเสียหายหรือถูกทำลาย องค์กรสามารถกู้คืนข้อมูลจากการสำรองข้อมูลได้
  • การตรวจสอบและการตรวจสอบ (Monitoring & Auditing) :
    การตรวจสอบและตรวจสอบเป็นการติดตามและตรวจสอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล เพื่อตรวจสอบว่ามีการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือเกิดเหตุการณ์ที่ควรสังเกต
  • การเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ (Alerting & Incident Response) :
    การตั้งค่าระบบเพื่อแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลที่ไม่ตรงตามนโยบายหรือมีสัญญาณของภัยความเสียหาย

การปกป้องข้อมูลเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาความลับและความเชื่อถือของข้อมูลในองค์กร ในปัจจุบันที่มีอุตสาหกรรมการใช้งานอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเสริมมากขึ้น การปกป้องข้อมูลยิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลและธุรกิจในองค์กร

Network Switches

Campus Switches

ในองค์กรที่ใหญ่ขนานหรือมีที่อยู่ที่แยกตัวออกไปหลายแห่ง การเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อรับส่งข้อมูลและข้อมูลเครือข่ายเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Campus Switches คืออะไร ความสำคัญของ Campus Switches และวิธีการทำงานของ Campus Switches เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ในองค์กรของคุณ

Campus Switches มาพร้อมกับอินเทอร์เฟซการจัดการ ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถกำหนดค่า ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาสวิตช์ได้ นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะด้านความปลอดภัย เช่น รายการควบคุมการเข้าถึง (ACL) ความปลอดภัยของพอร์ต และการแบ่งส่วนเครือข่าย เพื่อป้องกันเครือข่ายจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น

ความสำคัญของ Campus Switches :

  • เชื่อมต่อเครือข่ายภายใน :
    Campus Switches เป็นตัวกลางที่สำคัญในการเชื่อมต่อและรวมเครือข่ายภายในองค์กร ทำให้สามารถส่งสัญญาณและข้อมูลให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่าย
  • การจัดการและควบคุม :
    Campus Switches ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมและจัดการเครือข่ายในองค์กรได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถกำหนดการทำงาน แยกส่วนเครือข่าย และตรวจสอบปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประหยัดทรัพยากรเครือข่าย :
    Campus Switches ช่วยลดการใช้ทรัพยากรเครือข่ายที่ไม่เกี่ยวข้อง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณและข้อมูลในเครือข่าย
  • ความน่าเชื่อถือ :
    การใช้งาน Campus Switches ทำให้เครือข่ายภายในองค์กรมีความน่าเชื่อถือสูง และทำให้การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลเป็นไปอย่างเรียบร้อยและน่าเชื่อถือ

วิธีการทำงานของ Campus Switches :

Campus Switches ทำงานโดยอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เข้าสู่พอร์ตของตัวเอง และตัดสินใจในการส่งข้อมูลไปยังพอร์ตปลายทางที่เหมาะสม วิธีการทำงานของ Campus Switches อาจสร้างข้อมูลในรูปแบบของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ในระบบปฏิบัติการเฉพาะ โดยทำงานอย่างเร็วและมีประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณและข้อมูลให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย

Data Center Switches

Data Center Switches เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อและจัดการข้อมูลในรูปแบบของสวิตช์ (Switch) ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลในปริมาณมาก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณและจัดการข้อมูลขนานของศูนย์ข้อมูลในองค์กร

ความสำคัญของ Data Center Switches:

  • ควบคุมและจัดการข้อมูล :
    Data Center Switches เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมและจัดการข้อมูลในศูนย์ข้อมูล ทำให้สามารถส่งและรับข้อมูลได้โดยมีความเสถียรและสูงสุด
  • ข้อมูลในเครือข่ายขนาน :
    การใช้งาน Data Center Switches ทำให้เกิดเครือข่ายข้อมูลที่ใหญ่ขนานที่สามารถรับมือกับปริมาณข้อมูลที่ใหญ่และซับซ้อนได้
  • ความน่าเชื่อถือ :
    Data Center Switches ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลในรูปแบบของเครือข่ายข้อมูลของคุณ
  • การกำหนดและจัดระบบเครือข่าย :
    ความสามารถในการกำหนดและจัดระบบเครือข่ายที่เหมาะสมทำให้ Data Center Switches เป็นอุปกรณ์สำคัญในการจัดการข้อมูลในศูนย์ข้อมูล

วิธีการทำงานของ Data Center Switches : 

ทำงานโดยอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เข้าสู่พอร์ตของตัวเอง และตัดสินใจในการส่งข้อมูลไปยังพอร์ตปลายทางที่เหมาะสม วิธีการทำงานของ Data Center Switches นั้นเป็นรูปแบบของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ทำงานอย่างเร็วและมีประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณและข้อมูลในรูปแบบของเครือข่ายข้อมูลในศูนย์ข้อมูล

หากคุณลูกค้าต้องการความปลอดภัย มั่นคง สะดวก รวดเร็ว และบริการชั้นเลิศ Automation Service เป็นทางเลือกนั้นของคุณ! ด้วยประสบการ์ณการทำงานมากกว่า 40 ปี ทำให้เรามีทีมวิศวกรและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญมากความสามารถ สามารถให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และมอบองค์ความรู้ในด้านความปลอดภัยของ Security System(IT Security (Information Technology Security) ,OT Security (Operational Technology Security)), Data Center, Access Control System, Meeting System เป็นต้น

Wifi & Access Point

ในยุคที่เราใช้เทคโนโลยีอย่างหลากหลายเพื่อเชื่อมต่อกับโลกของอินเทอร์เน็ต การเชื่อมต่อแบบไร้สายกลายเป็นสิ่งที่สำคัญและให้ความสะดวกสบายในการใช้งานในทุกสถานที่ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Access Point (AP) คืออะไร ความสำคัญของ AP และวิธีการทำงานของ AP เพื่อให้คุณเข้าใจและใช้งาน AP ในวงการเครือข่ายไร้สายอย่างมีประสิทธิภาพ

Access Point หรือที่เรียกย่อๆ ว่า AP เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่อนุญาตให้อุปกรณ์ไร้สายเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบใช้สาย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือสะพานเชื่อมระหว่างเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายแบบมีสาย ทำให้อุปกรณ์ไร้สาย เช่น แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ IoT เข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการของเครือข่ายได้

ความสำคัญของ Access Point :

  • ส่งสัญญาณไร้สาย :
    AP เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งสัญญาณไร้สายให้กับอุปกรณ์ในเครือข่าย ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายได้ทุกที่ที่มี Access Point
  • เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน :
    AP ช่วยให้คุณสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายไร้สายได้ทันทีที่คุณอยู่ในพื้นที่ที่มีความคล่องตัวในการรับสัญญาณ
  • การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ :
    AP ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ในเครือข่ายได้พร้อมกัน ทำให้คุณสามารถใช้งานและเรียกใช้งานอินเทอร์เน็ตจากอุปกรณ์หลายๆ ตัวได้

วิธีการทำงานของ Access Point :

ทำงานโดยสร้างระบบเครือข่ายไร้สายหรือ Wi-Fi ภายในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีขั้วต่อสัญญาณที่ติดตั้งไว้เพื่อรับส่งข้อมูล วิธีการทำงานหลักๆ ของ AP คือ :

  • สร้างเครือข่ายไร้สาย :
    AP สร้างระบบเครือข่าย Wi-Fi และสร้างสัญญาณไร้สายที่สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ใกล้เคียง
  • รับส่งข้อมูล :
    AP รับส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณไร้สายระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้าสู่ AP และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  • การส่งสัญญาณแบบแผ่นพับ (Beamforming) :
    บาง AP มากับฟีเจอร์การส่งสัญญาณแบบแผ่นพับ (Beamforming) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณไร้สาย โดยช่วยให้สัญญาณไปถึงอุปกรณ์ตัวแรกที่ไว้ใจได้มากยิ่งขึ้น
  • การรับรองความปลอดภัย :
    AP มากับความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งาน Wi-Fi ทำให้ข้อมูลและเครือข่ายของคุณปลอดภัยจากการบุกรุก

Network Cabling

เครือข่ายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์และคอมพิวเตอร์ในองค์กรเพื่อรับส่งข้อมูลและสัญญาณที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ การทำงานของเครือข่ายจำเป็นต้องใช้สื่อในการเชื่อมต่อที่เหมาะสมและมีคุณภาพ เนื่องจากนั้น Network Cabling (เน็ตเวิร์คเคเบิลลิ่ง) เป็นเส้นสัญญาณที่สำคัญในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณข้อมูลและข่าวสารในเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้สายแลนหรือสายเคเบิลเพื่อส่งข้อมูลภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สายเคเบิลเป็นสื่อทางกลางที่ใช้ในการส่งข้อมูลดิจิทัลระหว่างอุปกรณ์เครือข่าย เช่น คอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, สวิตช์, รูเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายอื่นๆ ภายในอาคารหรือเครือข่ายเดียวกัน

ความสำคัญของ Network Cabling :

  • ประสิทธิภาพของเครือข่าย :
    Network Cabling เป็นตัวสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลและสัญญาณในเครือข่าย ทำให้เครือข่ายทำงานได้เร็วและมีความน่าเชื่อถือสูง
  • ความเสถียรและน่าเชื่อถือ :
    Network Cabling ที่มีคุณภาพสามารถให้ความเสถียรและความน่าเชื่อถือในการเชื่อมต่อและส่งสัญญาณข้อมูลในเครือข่าย
  • ระบบเครือข่ายที่เป็นระเบียบ :
    การใช้งาน Network Cabling ที่เป็นระเบียบช่วยให้ระบบเครือข่ายมีความสะดวกและง่ายต่อการจัดการและดูแลรักษา

วิธีการทำงานของ Network Cabling :

  • เลือกชนิดของเน็ตเวิร์คเคเบิลลิ่ง :
    ควรเลือกใช้เน็ตเวิร์คเคเบิลลิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการและข้อกำหนดของเครือข่าย เช่น Ethernet และ Fiber Optic เป็นต้น
  • ติดตั้งเครือข่ายเน็ตเวิร์ค :
    นำเน็ตเวิร์คเคเบิลลิ่งมาติดตั้งให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายที่ต้องการใช้งาน เช่น ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือสวิตช์
  • ทดสอบเครือข่าย :
    หลังจากติดตั้ง Network Cabling เสร็จสิ้นควรทดสอบเครือข่ายเพื่อตรวจสอบความเสถียรและความสามารถในการส่งสัญญาณข้อมูล
  • บำรุงรักษาและดูแลเครือข่าย :
    ควรทำการบำรุงรักษาเน็ตเวิร์คเคเบิลลิ่งอย่างเสถียรเพื่อให้เครือข่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียร
  • เพื่อประสิทธิภาพและการทำงานของระบบและสายนำสัญญาณ เพื่อส่งข้อมูล บริษัทรับทดสอบการเข้าหัวและสายสายนำสัญญาณ ทุกเส้น เพื่อให้ความมั่นใจ และมีความเป็นมาตรฐาน

หากคุณลูกค้าต้องการความปลอดภัย มั่นคง สะดวก รวดเร็ว และบริการชั้นเลิศ Automation Service เป็นทางเลือกนั้นของคุณ! ด้วยประสบการ์ณการทำงานมากกว่า 40 ปี ทำให้เรามีทีมวิศวกรและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญมากความสามารถ สามารถให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และมอบองค์ความรู้ในด้านความปลอดภัยของ Security System (IT Security), (Information Technology Security) ,OT Security (Operational Technology Security) Data Center, Access Control System, Meeting System เป็นต้น